วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

ysworldclass

รายงานการวิจัย
เรื่อง การสำรวจอาชีพที่ใฝ่ฝันในอนาคตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
โรงเรียนยโสธรพิทยาคม
ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษ  occuepation of your dreem



ผู้ศึกษา
1. สุภัสสร เสนาพรม            เลขที่ 25
2.จุฑาทิพย์ มุละสิวะ             เลขที่ 31
                                      3.วิชุดา ชูรัตน์                      เลขที่ 39
                                       นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1

                             การศึกษาค้นคว้าอิสระเสนอต่อโรงเรียนยโสธรพิทยาคม 
เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิชา การศึกษาค้นคว้าอิสระ IS1
ปีการศึกษา  2555
ลิขสิทธิ์เป็นของโรงเรียนยโสธรพิทยาคม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขตที่ 28






 
 



ชื่อเรื่อง                        เรื่องการสำรวจอาชีพที่ใฝ่ฝันในอนาคตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
โรงเรียนยโสธรพิทยาคม
                 
ผู้ศึกษาค้นคว้า                      1.น.ส สุภัสสร เสนาพรม           
                                         2.น.ส จุฑาทิพย์ มุละสิวะ             
                                         3.น.ส วิชุดา ชูรัตน์                      
                                      
                               
อาจารย์ผู้ควบคุมการค้นคว้าอิสระ     อ.สุทธิ  วงศ์ไกร              
สาขาวิชา                       การศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้( IS1 รหัสวิชา I 30201)
ปีการศึกษา                                                            2559


บทคัดย่อ

                การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจ
1.เพื่อให้ทราบถึงอาชีพที่นักเรียนโรงเรียน ยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1ชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากเป็นในอนาคต
2.เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักตนเองว่าชอบสิ่งไหนอยากเป็นอะไรในอนาคต เพื่อที่จะไม่เกิดความลังเลในการเลือกอาชีพ
3.เพื่อสนับสนุนให้อนาคตของนักเรียนทุกคนมีอาชีพที่ดีและสุจริตทำ

                ประชากรหรือกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า เป็นนักเรียนจำนวน  47 คน 
เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่  ตาราง ค่าเฉลี่ย ร้อยละ
                ผลการศึกษาพบว่า  
1.นักเรียนทราบถึงอาชีพที่นักเรียนโรงเรียน ยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1ชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากเป็นในอนาคต
2.นักเรียนรู้จักตนเองว่าชอบสิ่งไหนอยากเป็นอะไรในอนาคต เพื่อที่จะไม่เกิดความลังเลในการเลือกอาชีพ
3.อนาคตของนักเรียนทุกคนมีอาชีพที่ดีและสุจริตทำเมื่อเลือกอาชีพที่ตนเองชอบแล้ว




 
 


กิตติกรรมประกาศ

                การค้นคว้าอิสระฉบับนี้สำเร็จสมบูรณ์ได้โดยความกรุณาเป็นอย่างยิ่งจาก อ.สุทธิ  วงศ์ไกรอาจารย์ผู้ควบคุมการค้นคว้าอิสระ ขอขอบคุณที่คำแนะดำในการทำงานวิจัย คำปรึกษาเกี่ยวกับงานวิจัยในส่วนที่ไม่เข้าใจและให้ความรู้ว่าควรแก้ไขตรงจุดไหน งานวิจัยครั้งนี้จะสำเร็จไม่ได้หากไม่ได้รับความเมตตาจากคุณครู
                ขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านที่ช่วยเหลือและสนับสนุนงานวิจัยครั้งนี้
ขอบคุณข้อมูลจากทฤษฎีของ  นวลศิริ เปาโรหิตย (2528 : 9 -11) มีความเห็นว่าความหมายของการแนะแนวอาชีพควรจะเปลี่ยน ทั้งนี้เพราะความหมายของคําว่า อาชีพนั้นเปลี่ยนแปลงไป เดิมคําว่า อาชีพนั้นมี ความหมายเพียงบุคคลทําหลังจากเรียนสําเร็จเท่านั้น แตในปัจจุบันความหมายของคำว่าอาชีพรวมเอาความหมายของชีวิตบุคคลทั้งชีวิตจัดเป็นวิธีการดําเนินชีวิตอย่างหนึ่ง (Life Style)
  สวัสดิ์ สุวรรณอักษร 2526 อ้างถึงใน กรมการจัดหางาน, 2546 : 6) ได้ให้ความหมายของ การแนะแนวอาชีพว่าเป็นกระบวนการหนึ่งช่วยให้บุคคลรูจักในอาชีพ ดังนี้
 1. ช่วยให้บุคคลรู้จักและเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้งทุกด้าน คือ สติปัญญาความสามารถความ ถนัดความสนใจและอุปนิสัยใจคอเหมาะสมกับงานหรืออาชีพใด
 2. ช่วยให้บุคคลรู้จักและเข้าใจโลกของงานอาชีพต่าง ๆ และองค์ประกอบของงาน เช่น ลักษณะของงานอาชีพ คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
3. ช่วยให้บุคคลรู้จักเลือกและตัดสินใจเลือกอาชีพอย่างฉลาดถูกต้อง เหมาะสมกับอัตภาพ  
4. ช่วยให้บุคคลรู้จักตัดสินใจเลือกอย่างฉลาดในการเข้ารับการศึกษาและฝึกอบรมใน วิชาชีพต่าง ๆ 5. ชวยให้บุคคลได้มีโอกาสพัฒนาบุคลิกลักษณะของตนให้เหมาะสมกับงานอาชีพ เช่น ความอดทน ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ความขยันหมั่นเพียรความตรงต่อเวลาความร่วมมือใน การทํางาน ฯลฯ
6. ช่วยให้บุคคลไดมีโอกาสสัมผัสกับงานอาชีพต่าง ๆ ตามความเหมาะสมกับวัย
7. ช่วยให้บุคคลสามารถปรับตนให้เข้ากับอาชีพจนประสบผลสําเร็จและมีความสุขใน อาชีพของตน D.E. Super (1972 อ้างถึงใน กรมการจัดหางาน, 2546 : 7) กล่าวว่า การแนะแนวอาชีพ เป็นกระบวนการช่วยเหลือบุคคลให้รู้จักตนเองและได้ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพ เพื่อจะได้ตัดสินใจเลือกอาชีพ


1. สุภัสสร เสนาพรม            เลขที่ 25
2.จุฑาทิพย์ มุละสิวะ             เลขที่ 31
                                      3.วิชุดา ชูรัตน์                      เลขที่ 39
                                       นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1




 

 



บทที่ 1
บทนำ

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
       การประกอบอาชีพเป็นที่มาของรายได้  เพื่อนำไปใช้จ่ายในการดำรงชีวิต  ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยสี่  ได้แก่  อาหาร  ที่อยู่อาศัย  เครื่องนุ่งห่ม  และยารักษาโรค  ในอดีตสิ่งของต่าง ๆ เหล่านี้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่เป็นผู้จัดหาให้แก่สมาชิก  ด้วยการผลิตขึ้นใช้เองในครอบครัว  โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินซื้อหา  ปัจจุบันการดำรงชีวิตในสังคมได้เปลี่ยนแปลงไป  ประชาชนมีการศึกษามกขึ้น  ความรู้ที่ได้รับจะเป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพ  เพื่อให้มีรายได้มาซื้อปัจจัยสี่และสิ่งของอื่น ๆ ในการดำรงชีวิตและสร้างมาตรฐานที่ดีให้แก่ตนเอง  ครอบครัว  และสังคม  อาชีพมีอยู่มากมาย  ควรพิจารณาเลือกประกอบอาชีพที่มีความถนัดและความสนใจ  สุจริต  มีความมั่นคงในชีวิตและมีรายได้เพียงพอความ
         ในปัจจุบันมีหลากหลายอาชีพที่นักเรียนใฝ่ฝันอยากจะเป็นและสามารถเลือกทำได้เมื่อจบการศึกษา แต่ก่อนหน้านี้ต้องเลือกแผนการเรียนต่างๆซึ่งมีหลากหลายแผนการเรียนให้เลือกสรรมากมายและเมื่อเรียนจบจะได้ทำอาชีพที่ใฝ่ฝันได้ตามต้องการ โดยมีปัจจัยหลักในการเลือกอาชีพมาจากผู้ปกครองหรือบุคคลที่เป็นแบบอย่าง และส่วนใหญ่มาจากรายการโทรทัศน์ที่แนะนำอาชีพที่คนส่วนใหญ่สนใจ หรือมาจากหนังสือต่างๆ ดังนั้นผู้วิจัยจึงสนใจที่จะศึกษาเรื่อง อาชีพในฝันของนักเรียนโรงเรียน ยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1 ทางผู้วิจัยเห็นความสำคัญในการเลือกแผนการเรียน ซึ่งสามารถต่อยอดในการเลือกทำอาชีพต่อไป และเพื่อนำผลวิจัยไปสร้างแผนการเรียนตามความสนใจของนักเรียน
          ดังนั้น ผู้ศึกษาจึงมีความสนใจที่จะสำรวจเกี่ยวกับอาชีพที่ใฝ่ฝันของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม

วัตถุประสงค์ :
1.เพื่อให้ทราบถึงอาชีพที่นักเรียนโรงเรียน ยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1ชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากเป็นในอนาคต
2.เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักตนเองว่าชอบสิ่งไหนอยากเป็นอะไรในอนาคต เพื่อที่จะไม่เกิดความลังเลในการเลือกอาชีพ
3.เพื่อสนับสนุนให้อนาคตของนักเรียนทุกคนมีอาชีพที่ดีและสุจริตทำ



2
 
 


ขอบเขตของการวิจัย :ในการวิจัยครั้งนี้ กลุ่มผู้วิจัยได้ทำการวิจัยเรื่อง อาชีพที่ใฝ่ฝันของนักเรียน โรงเรียน ยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1  
ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง :
ตัวแปรอิสระ :นักเรียน
แบ่งตามดังนี้
เพศ
-ชาย
-หญิง
อายุ
16 ปี
17 ปี
                3.2  ตัวแปรตาม 

                                                ความพึงพอใจมากที่สุด      ให้                          5   คะแนน
                                                ...........มาก                          ให้                           4   คะแนน
                                                ...........ปานกลาง          ให้                            3   คะแนน
                                                ...........น้อย                         ให้                          2   คะแนน
                                                ...........น้อยที่สุด                                ให้                          1   คะแนน

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ :
1.นักเรียนโรงเรียนยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1ทราบถึงอาชีพที่ตนเองชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากเป็นในอนาคต
2.นักเรียนโรงเรียนยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1รู้จักตนเองว่าชอบสิ่งไหนอยากเป็นอะไรในอนาคต และไม่เกิดความลังเลในการเลือกอาชีพ
3.นักเรียนโรงเรียนยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1 อนาคตมีอาชีพที่ดีและสุจริตทำ
               



 
 


                                                                 บทที่  2

เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

                ในการศึกษาเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ การสำรวจอาชีพที่ใฝ่ฝันของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม ผู้ศึกษาได้ค้นคว้าเอกสารงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง  โดยลำดับเนื้อหาที่เป็นสาระสำคัญดังต่อไปนี้

1.แนวคิด/ทฤษฎี เกี่ยวกับการสำรวจอาชีพที่ใฝ่ฝันของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม
ในการสร้างแบบสํารวจความสนใจในอาชีพ สําหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ครั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษาและรวบรวมเอกสารงานวิจัยที่เเกี่ยวของกับการสร้างแบบสำรวจความสนใจใน อาชีพ ดังต่อไปนี้ แนวคิดเกี่ยวกับการแนะแนวอาชีพ ทฤษฎีการเลือกอาชีพ ทฤษฎีพัฒนาการด้านอาชีพ การประยกตุ์ ทฤษฎีการเลือกอาชีพและพัฒนาการด้านอาชีพ การวัดความสนใจในอาชีพ การหาคุณภาพของแบบสํารวจความสนใจในอาชีพ เกณฑ์ปกติ (Norms) งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดเกี่ยวกับการแนะแนวอาชีพ

                1.1  ความหมายเรื่องที่นักเรียนศึกษา
                            ความหมายของการแนะแนวอาชีพ การแนะแนวอาชีพ (Career Guidance) ได้มีผู้ให้ความหมายของเรื่องที่นักเรียนศึกษา ไว้ ดังนี้
นวลศิริ เปาโรหิตย (2528 : 9 -11) มีความเห็นว่าความหมายของการแนะแนวอาชีพควรจะเปลี่ยน ทั้งนี้เพราะความหมายของคําว่า อาชีพนั้นเปลี่ยนแปลงไป เดิมคําว่า อาชีพนั้นมี ความหมายเพียงบุคคลทําหลังจากเรียนสําเร็จเท่านั้น แตในปัจจุบันความหมายของคำว่าอาชีพรวมเอาความหมายของชีวิตบุคคลทั้งชีวิตจัดเป็นวิธีการดําเนินชีวิตอย่างหนึ่ง (Life Style) เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการทางชีวิตที่ไม่สามารถแยกออกจากพัฒนาการด้านอื่น ๆ ได้เลย การมองอาชีพในลักษณะของการพัฒนาชีวิตนี้ (Career Development) เกิดมาควบคู่กับพัฒนาการชีวิต เปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งแวดล้อมในทุกๆช่วงชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่วัยเด็กวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ จนถึงวัยชรา ซึ่งบุคคลจะต้องเปลี่ยนงาน เปลี่ยนอาชีพ มีการตัดสินใจหลายครั้งการแนะแนวอาชีพในความหมาย



 
  สวัสดิ์ สุวรรณอักษร 2526 อ้างถึงใน กรมการจัดหางาน, 2546 : 6) ได้ให้ความหมายของ การแนะแนวอาชีพว่าเป็นกระบวนการหนึ่งช่วยให้บุคคลรูจักในอาชีพ ดังนี้

 1. ช่วยให้บุคคลรู้จักและเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้งทุกด้าน คือ สติปัญญาความสามารถความ ถนัดความสนใจและอุปนิสัยใจคอเหมาะสมกับงานหรืออาชีพใด
 2. ช่วยให้บุคคลรู้จักและเข้าใจโลกของงานอาชีพต่าง ๆ และองค์ประกอบของงาน เช่น ลักษณะของงานอาชีพ คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
3. ช่วยให้บุคคลรู้จักเลือกและตัดสินใจเลือกอาชีพอย่างฉลาดถูกต้อง เหมาะสมกับอัตภาพ  
4. ช่วยให้บุคคลรู้จักตัดสินใจเลือกอย่างฉลาดในการเข้ารับการศึกษาและฝึกอบรมใน วิชาชีพต่าง ๆ 5. ชวยให้บุคคลได้มีโอกาสพัฒนาบุคลิกลักษณะของตนให้เหมาะสมกับงานอาชีพ เช่น ความอดทน ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ความขยันหมั่นเพียรความตรงต่อเวลาความร่วมมือใน การทํางาน ฯลฯ
6. ช่วยให้บุคคลไดมีโอกาสสัมผัสกับงานอาชีพต่าง ๆ ตามความเหมาะสมกับวัย
7. ช่วยให้บุคคลสามารถปรับตนให้เข้ากับอาชีพจนประสบผลสําเร็จและมีความสุขใน อาชีพของตน D.E. Super (1972 อ้างถึงใน กรมการจัดหางาน, 2546 : 7) กล่าวว่า การแนะแนวอาชีพ เป็นกระบวนการช่วยเหลือบุคคลให้รู้จักตนเองและได้ข้อมูลเกี่ยวกับอาชีพ เพื่อจะได้ตัดสินใจเลือกอาชีพ

 จากที่กล่าวมาสรุปได้ว่า ความพึงพอใจ หมายถึงสิ่งที่ตนเองหรือตัวเราเองนั้นชอบ และพอใจ มีความสุขสบายใจที่จะกระทำสิ่งนั้นๆ เป็นความรู้สึกในเชิงบวก หรือเห็นด้วยกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
1.2ทฤษฎีเรื่องที่นักเรียนศึกษา
อาชีพเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทุกคนต้องมีการประกอบอาชีพ ขึ้นอยู่กับบุคคลว่าจะเลือกประกอบอาชีพอะไร  การที่ผู้ศึกษาได้ทำการวิจัยเพื่อสำรวจอาชีพนั้น ผลที่ได้จากการศึกษาจะทำให้ทราบถึงอาชีพที่ตนเองชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากเป็นในอนาคต รู้จักตนเองว่าชอบสิ่งไหนอยากเป็นอะไรในอนาคต และไม่เกิดความลังเลในการเลือกอาชีพ อนาคตมีอาชีพที่ดีและสุจริตทำ

2. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 

                2.1 งานวิจัยในประเทศ
                งานวิจัยการสำรวจอาชีพที่เด็กไทยอยากเป็นมากที่สุด 10อันดับ
18อันดับที่ 1 นักธุรกิจ, เจ้าของกิจการ, นักลงทุน 
  อาจเป็นเพราะว่าในปัจจุบันน้องหลายๆ คนมีความคิดที่ไม่อยากเป็นลูกจ้างใครแล้ว เป็นเจ้าของเสียเองเลยดีกว่าไม่โดนใครบ่นใครว่า แค่เปิดร้านขายข้าวมันไก่มันก็ถูกเรียกว่ากิจการแล้ว ถ้ารายได้ดีก็สามารถขยายสาขาได้ เพิ่มมูลค่าสินค้าโดยทำแพ็คเกจจิ้ง (Packaging) ขายตามห้างสรรพสินค้าก็ยังได้


อันดับที่ 2 วิศวกร
          ซึ่งไม่ว่าจะจัดอันดับอาชีพในหัวข้ออะไร วิศวกรก็ยังติด 1 ใน 10 ได้เสมอ อาจเป็นเพราะวิศวกรนั้นสามารถเข้าไปทำงานได้หลายลักษณะ เช่น วิศวกรชีวการแพทย์ (biomedical engineer) ที่คอยศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ ในวงการแพทย์, วิศวกรซอฟแวร์ (Software Engineer) เป็นงานที่เกี่ยวกับการใช้กระบวนการทางวิศวกรรมในการดูแลการผลิต เป็นต้น เอาเป็นว่าหลายๆ อย่างที่เราเห็นในชีวิตประจำวันส่วนหนึ่งก็มาจากวิศวกรนั้นเอง

อันดับที่ 3 หมอ
           หมอหรือแพทย์ หมอเป็นอาชีพที่น่ายกย่องที่สุดอีกอาชีพหนึ่งสำหรับความคิดของคนในสังคมไทย และน่าภูมิใจมากๆ เลยด้วย ที่ได้รักษาคนป่วยให้กลับมาดีขึ้นจากโรคต่างๆ เงินเดือนก็สูง พ่อแม่ป่วยก็สามารถเบิกค่ารักษาได้ แต่ต้องใช้ความอดทนสูงมาก เพราะต้องพบปะคนไข้มากมาย ถ้าใครชอบอาชีพนี้จริงๆ เราเชื่อว่าน้องๆ ต้องทำได้แน่นอน

อันดับทื่ 4 ทันตแพทย์
         หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า หมอฟัน เป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้การวินิจฉัย ป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปาก และให้บริการเกี่ยวกับทันตกรรม จะเห็นได้ว่ามีคลินิกฟันเปิดขึ้นเยอะมากมายในปัจจุบัน เป็นเพราะว่าประชาชนส่วนมากหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพภายในช่องปากเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง

อันดับที่ 5 นักแปล, อาชีพที่ใช้ภาษา
          ในปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ถูกเรียกว่า โกลบอลไลเซชั่น (globalization) ที่ทั่วโลกสามารถสื่อสารถึงกันง่ายขึ้น หากใครที่สามารถพูดภาษาที่สามได้ จะเป็นข้อได้เปรียบมากในปัจจุบัน ทำให้ง่ายต่อการหางานได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หรือว่างๆ ก็รับอาชีพเสริมแปลข้อความ อังกฤษ - ไทย ไทย - อังกฤษ ได้อีกด้วย

อันดับที่ 6 ครู

          อาชีพครูก็ยังเป็นอาชีพที่ไม่เคยหลุดออกจาก 1 ใน 10 ของการจัดอันดับได้เลยแม้จะผ่านมากี่ยุด กี่สมัย แล้วก็หมอจะไม่มีความรู้เลยถ้าหมอไม่เรียนหนังสือ แล้วใครสอนหนังสือให้หมอล่ะ? ก็ครูไง เรียกได้ว่าอาชีพครูนี่แหละที่เป็นอาชีพพื้นฐานของทุกๆ อาชีพเลยก็ว่าได้
 
อันดับที่ 7 กราฟิกดีไซน์เนอร์
          กราฟิกดีไซน์เหมาะสำหรับคนที่รักงานศิลปะ มีความสามารถทางกระบวนการความคิดสร้างสรรค์ ผ่านสื่อเทคโนโลยี เป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการสินค้าต่างๆ ดูจากตามท้องถนนที่น้องเห็นป้ายโฆษณาต่างๆ ส่วนรายได้ขึ้นอยู่จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการว่าจ้าง


อันดับที่ 8 พยาบาล
          ในเมื่อมีหมอก็ต้องมีพยาบาล อาชีพนี้ถ้าไม่คิดจะเสียสละจริงๆ ทำยากนะ เพราะต้องเข้าเวร เป็นพยาบาลต้องใจดีๆ ยิ้มแย้ม ไม่ใช่ว่าตวาดคนไข้ ดุนักศึกษาแพทย์ นินทาหมอ หรือทำตามหน้าที่ไปวันๆ

อันดับที่ 9 นักการทูต
          ถ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถด้านภาษา ช่างเจรจา และชอบทางด้านกฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายระหว่างประเทศ อาชีพนี้คงจะตอบโจทย์น้องๆ ได้ เพราะหน้าที่หลักของนักการทูต คือการเป็นผู้แทนเจรจาและปกป้องผลประโยชน์ ตลอดจนปกป้องประเทศนั้นๆ เดินทางเปลี่ยนประเทศบ่อยมาก ส่วนเงินเดือนนั้นถ้าได้ไปประจำการอยู่ที่ต่างประเทศ อยู่ได้สบาย และเหลือเก็บหากไม่ฟุ่มเฟือยมากสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้เลย
 
อันดับที่ 10 พนักงานต้องรับบนเครื่องบิน

          และมาถึงอันดับสุดท้าย พนักงานต้องรับบนเครื่องบิน อาชีพนี้จะว่าก็คล้ายๆกับ นักการทูตเหมือนกันนะ ภาษาต้องได้ เดินทางตลอด ห่างไกลครอบครัว แต่เรื่องพวกนี้จะเล็กไปเลยหากเรามีใจรักในอาชีพ ได้เป็นกันแล้วก็สานฝันให้ถึงที่สุด ทำด้วยใจ บริการเต็มที่ จากเหนื่อยกายจะกลายเป็นสุขใจ

                2.2 งานวิจัยต่างประเทศ
จากการสำรวจอาชีพที่เด็กในฮอลแลนด์ใฝ่ฝันอยากเป็นมากที่สุด
               
อันดับที่ 1 นักธุรกิจ, เจ้าของกิจการ, นักลงทุน 
  อาจเป็นเพราะว่าในปัจจุบันน้องหลายๆ คนมีความคิดที่ไม่อยากเป็นลูกจ้างใครแล้ว เป็นเจ้าของเสียเองเลยดีกว่าไม่โดนใครบ่นใครว่า แค่เปิดร้านขายข้าวมันไก่มันก็ถูกเรียกว่ากิจการแล้ว ถ้ารายได้ดีก็สามารถขยายสาขาได้ เพิ่มมูลค่าสินค้าโดยทำแพ็คเกจจิ้ง (Packaging) ขายตามห้างสรรพสินค้าก็ยังได้



 
อันดับที่ 2 วิศวกร
          ซึ่งไม่ว่าจะจัดอันดับอาชีพในหัวข้ออะไร วิศวกรก็ยังติด 1 ใน 10 ได้เสมอ อาจเป็นเพราะวิศวกรนั้นสามารถเข้าไปทำงานได้หลายลักษณะ เช่น วิศวกรชีวการแพทย์ (biomedical engineer) ที่คอยศึกษาค้นคว้าเทคโนโลยีใหม่ ในวงการแพทย์, วิศวกรซอฟแวร์ (Software Engineer) เป็นงานที่เกี่ยวกับการใช้กระบวนการทางวิศวกรรมในการดูแลการผลิต เป็นต้น เอาเป็นว่าหลายๆ อย่างที่เราเห็นในชีวิตประจำวันส่วนหนึ่งก็มาจากวิศวกรนั้นเอง

อันดับที่ 3 หมอ
           หมอหรือแพทย์ หมอเป็นอาชีพที่น่ายกย่องที่สุดอีกอาชีพหนึ่งสำหรับความคิดของคนในสังคมไทย และน่าภูมิใจมากๆ เลยด้วย ที่ได้รักษาคนป่วยให้กลับมาดีขึ้นจากโรคต่างๆ เงินเดือนก็สูง พ่อแม่ป่วยก็สามารถเบิกค่ารักษาได้ แต่ต้องใช้ความอดทนสูงมาก เพราะต้องพบปะคนไข้มากมาย ถ้าใครชอบอาชีพนี้จริงๆ เราเชื่อว่าน้องๆ ต้องทำได้แน่นอน

อันดับทื่ 4 ทันตแพทย์
         หรือที่คนทั่วไปเรียกว่า หมอฟัน เป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้การวินิจฉัย ป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปาก และให้บริการเกี่ยวกับทันตกรรม จะเห็นได้ว่ามีคลินิกฟันเปิดขึ้นเยอะมากมายในปัจจุบัน เป็นเพราะว่าประชาชนส่วนมากหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพภายในช่องปากเพิ่มมากขึ้นนั้นเอง

อันดับที่ 5 นักแปล, อาชีพที่ใช้ภาษา
          ในปัจจุบันเราอยู่ในยุคที่ถูกเรียกว่า โกลบอลไลเซชั่น (globalization) ที่ทั่วโลกสามารถสื่อสารถึงกันง่ายขึ้น หากใครที่สามารถพูดภาษาที่สามได้ จะเป็นข้อได้เปรียบมากในปัจจุบัน ทำให้ง่ายต่อการหางานได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หรือว่างๆ ก็รับอาชีพเสริมแปลข้อความ อังกฤษ - ไทย ไทย - อังกฤษ ได้อีกด้วย

อันดับที่ 6 ครู
          อาชีพครูก็ยังเป็นอาชีพที่ไม่เคยหลุดออกจาก 1 ใน 10 ของการจัดอันดับได้เลยแม้จะผ่านมากี่ยุด กี่สมัย แล้วก็หมอจะไม่มีความรู้เลยถ้าหมอไม่เรียนหนังสือ แล้วใครสอนหนังสือให้หมอล่ะ? ก็ครูไง เรียกได้ว่าอาชีพครูนี่แหละที่เป็นอาชีพพื้นฐานของทุกๆ อาชีพเลยก็ว่าได้
 
อันดับที่ 7 กราฟิกดีไซน์เนอร์
          กราฟิกดีไซน์เหมาะสำหรับคนที่รักงานศิลปะ มีความสามารถทางกระบวนการความคิดสร้างสรรค์ ผ่านสื่อเทคโนโลยี เป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการสินค้าต่างๆ ดูจากตามท้องถนนที่น้องเห็นป้ายโฆษต่างๆ ส่วนรายได้ขึ้นอยู่จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการว่าจ้าง



 
อันดับที่ 8 พยาบาล
          ในเมื่อมีหมอก็ต้องมีพยาบาล อาชีพนี้ถ้าไม่คิดจะเสียสละจริงๆ ทำยากนะ เพราะต้องเข้าเวร เป็นพยาบาลต้องใจดีๆ ยิ้มแย้ม ไม่ใช่ว่าตวาดคนไข้ ดุนักศึกษาแพทย์ นินทาหมอ หรือทำตามหน้าที่ไปวันๆ

อันดับที่ 9 นักการทูต
          ถ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถด้านภาษา ช่างเจรจา และชอบทางด้านกฎหมายโดยเฉพาะกฎหมายระหว่างประเทศ อาชีพนี้คงจะตอบโจทย์น้องๆ ได้ เพราะหน้าที่หลักของนักการทูต คือการเป็นผู้แทนเจรจาและปกป้องผลประโยชน์ ตลอดจนปกป้องประเทศนั้นๆ เดินทางเปลี่ยนประเทศบ่อยมาก ส่วนเงินเดือนนั้นถ้าได้ไปประจำการอยู่ที่ต่างประเทศ อยู่ได้สบาย และเหลือเก็บหากไม่ฟุ่มเฟือยมากสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้เลย
 
อันดับที่ 10 พนักงานต้องรับบนเครื่องบิน

          และมาถึงอันดับสุดท้าย พนักงานต้องรับบนเครื่องบิน อาชีพนี้จะว่าก็คล้ายๆกับ นักการทูตเหมือนกันนะ ภาษาต้องได้ เดินทางตลอด ห่างไกลครอบครัว แต่เรื่องพวกนี้จะเล็กไปเลยหากเรามีใจรักในอาชีพ ได้เป็นกันแล้วก็สานฝันให้ถึงที่สุด ทำด้วยใจ บริการเต็มที่ จากเหนื่อยกายจะกลายเป็นสุขใจ

                จากการศึกษางานวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบว่ามีความตรงกันทุกอันดับกับงานวิจัยภายในประเทศสามารถสรุปได้ได้ว่าเด็กทั่วโลกส่วนใหญ่มีความต้องการถูกต้องตามผลสำรวจในประเทศไทยและฮอลแลนด์
1


 
 


บทที่ 3

วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า

                วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้าเรื่อง การสำรวจอาชีพที่ใฝ่ฝันในอนาคตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม  ผู้ศึกษาได้ดำเนินการศึกษาค้นคว้าโดยลำดับ  ดังนี้
1.             ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
2.             เครื่องมือและวิธีการสร้างเครื่องมือ
3.             การเก็บรวบรวมข้อมูล
4.             การจัดกระทำข้อมูล
5.             การวิเคราะห์ข้อมูล
6.             สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล


 ประชากร / กลุ่มตัวอย่าง  
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในเรื่องนี้  คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม จำนวน 47 คน
                กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในเรื่องนี้  คือนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม จำนวน 47 คน
ตารางที่ 1 เปรียบเทียบสัดส่วนประชากรกับกลุ่มตัวอย่าง
ระดับชั้น
นักเรียน
ประชากร
กลุ่มตัวอย่าง
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1
47

47

รวมทั้งสิ้น
47
47

  



เครื่องมือและวิธีการสร้างเครื่องมือ

                เครื่องมือ
                เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นแบบสอบถามซึ่งได้พัฒนามาจากแบบสอบถามของ ครอนบาค (Cronbach)   ซึ่งแบบสอบถาม  แบ่งออกเป็น 2 ตอน  ดังนี้
                ตอนที่ 1  เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม  โดยคำถามมีลักษณะเป็นแบบสำรวจรายการ (Checklist)
                ตอนที่ 2  เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับ อาชีพที่สนใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม
20วิธีการสร้างเครื่องมือ (เป็นการบอกถึงขั้นตอนการสร้างเครื่องมือและการหาคุณภาพของเครื่องมือ)
1.             ศึกษาค้นคว้า ตำรา วารสาร บทความ งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับอาชีพที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม) และรายละเอียดวัตถุประสงค์ของการศึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม
2.             ศึกษาวิธีการสร้างแบบสอบถาม  เพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้างแบบสอบถาม
3.             ศึกษา ความหมาย ทฤษฎี หลักการ แนวคิด  องค์ประกอบ  เพื่อนำมาจัดทำนิยามศัพท์
เฉพาะและนำนิยามศัพท์เฉพาะมาเป็นแนวทางในการสร้างข้อคำถาม
4.             พัฒนาแบบสอบถามแบบมาตรส่วนประมาณค่า (Rating  Scale) 5 ระดับ คือ  มากที่สุด
มาก  ปานกลาง  น้อย  น้อยที่สุด  (ชนิดของเครื่องมือ เป็นแบบใด) ใช้ในการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่าง
5.             นำร่างแบบสอบถามเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษางานค้นคว้าอิสระ เพื่อตรวจสอบเนื้อหา
และภาษาที่ใช้ในแบบสอบถาม และนำข้อเสนอแนะมาปรับปรุงแก้ไข
6.             นำร่างแบบสอบถามที่สร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ  จำนวน 3 ท่าน คือ
        1)  ดร.มานิต เขียวศรี   ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารศึกษา
        2) ดร.เทอดชัย พันธะไชย ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารศึกษา
       3)  นาย สุทธิ วงศ์ไกร ผู้เชี่ยวชาญทางวัดผล ประเมินผล   เพื่อหาความเที่ยงตรงเชิงประจักษ์ (Face Validity) นำข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญมาปรับปรุง
7.             นำข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญ นำเสนออาจารย์ที่ปรึกษางานค้นคว้าอิสระ เพื่อปรับปรุง
แก้ไขแบบสอบถาม
8.   นำแบบสอบถามไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ใช่ประชากรหรือกลุ่มตัวอย่าง   จำนวน  47 คน  นำมาหาค่าสัมประสิทธิความเชื่อมั่นโดยวิธีครอนบาค(Cronbach
9.   นำไปจัดพิมพ์เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป

 
 


การเก็บรวบรวมข้อมูล 

                ผู้ศึกษาได้ดำเนินการเก็บรวบรวมโดยวิธีการแจกแบบสอบถามด้วยตนเองซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินงาน  ดังนี้
1.ขอหนังสือจาก เพื่อขออนุญาตและขอความร่วมมือในการรวบรวมข้อมูล
2.ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีแจกแบบสอบถามให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1และเก็บรวบรวมข้อมูลกลับด้วยตนเอง

การจัดกระทำข้อมูล (การตรวจสอบความสมบูรณ์ของเครื่องมือ,   การให้คะแนนข้อมูล)

1.             ได้รับแบบสอบถามกลับคืนและตรวจสอบความสมบูรณ์ของแบบสอบถามมีความสมบูรณ์
จำนวน 47 ฉบับ  คิดเป็นร้อยละ ...100.......
2.              นำแบบสอบถามมาตรวจให้คะแนนตามวิธีของครอนบาค (Cronbach)  บุญชม  ศรีสะอาด 
(2541, หน้า 113)
                                                ความพึงพอใจมากที่สุด      ให้                          5   คะแนน
                                                ...........มาก                          ให้                           4   คะแนน
                                                ...........ปานกลาง          ให้                            3   คะแนน
                                                ...........น้อย                         ให้                          2   คะแนน
                                                ...........น้อยที่สุด                                ให้                          1   คะแนน
3.             นำคะแนนที่ได้หาค่าทางสถิติด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทางสถิติ

การวิเคราะห์ข้อมูล (การวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ด้วยสถิติ,  การแปลความหมายข้อมูล)
ผู้ศึกษาดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
                1. วิเคราะห์สภาพทั่วไปของความพึงพอใจ  โดยใช้ ความถี่และค่าร้อยละ  เสนอในรูปแบบตาราง
                2. วิเคราะห์ความพึงพอใจโดยการหาค่าเฉลี่ย
               
3. นำผลการวิเคราะห์ทางสถิติมาแปลผลดังนี้
ค่าเฉลี่ย  4.50 5.00          แปลความหมายว่า   มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด 
                ค่าเฉลี่ย  3.50 4.49          แปลความหมายว่า   มีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมาก 
                ค่าเฉลี่ย  2.50 3.49          แปลความหมายว่า   มีความพึงพอใจ อยู่ในระดับปานกลาง 
                ค่าเฉลี่ย  1.50 2.49          แปลความหมายว่า   มีความพึงพอใจ อยู่ในระดับน้อย
                ค่าเฉลี่ย  1.00 1.49          แปลความหมายว่า   มีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อยที่สุด


 
 


สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล   
          การวิเคราะห์ข้อมูลการศึกษาครั้งนี้  ผู้ศึกษาค้นคว้าวิเคราะห์โดยใช้สถิติบรรยาย ดังนี้
1. ค่าร้อยละ (Percentage) (%) เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมได้จากแบบสอบถามตอนที่  1
      2. ค่าเฉลี่ย (Mean) เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ µ ใช้สูตร
                                                                   
                                    เมื่อ
                                                    µ       คือ     ค่าเฉลี่ย
                                                 SX     คือ     ผลรวมทั้งหมดของข้อมูล
                                                    N            คือ     จำนวนประชากร
      3. ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard  Deviation)  เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์  σ
ใช้สูตร 



 



บทที่ 4

ผลงานการวิจัย

อาชีพที่ใฝ่ฝัน
จำนวน (คน)
คิดเป็นร้อยละ(47คน)
หมอ
7
3.29%
พยาบาล
12
5.64%
ครู
8
3.76%
ตำรวจ
5
2.35%
อื่นๆ
13
6.11%


จากผลการสำรวจด้วยแบบสอบถามของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคมจะเห็นได้ว่า ผลสำรวจตรงกันกับการสำรวจงานวิจัยภายในประเทศและต่างประเทศคือฮอลแลนด์การสำรวจความต้องการของอาชีพ 10 อันดับที่เด็กอยากเป็นมากที่สุด
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ก็เช่นกันมีผลออกมาว่าส่วนใหญ่จะมีความใฝ่ฝันอยากเป็นหมอ พยาบาล ตำรวจ ครู และอื่นๆ





 
 


5บทที่ 5

สรุปและ อภิปรายผล

                 การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับ  การสำรวจอาชีพที่ใฝ่ฝันในอนาคตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 โรงเรียนยโสธรพิทยาคม ซึ่งผู้ศึกษานำเสนอการสรุปผลการศึกษา  อภิปรายผลการศึกษา  และข้อเสนอแนะตามลำดับดังนี้

วัตถุประสงค์ของการศึกษาค้นคว้า

1.เพื่อให้ทราบถึงอาชีพที่นักเรียนโรงเรียน ยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1ชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากเป็นในอนาคต
2.เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักตนเองว่าชอบสิ่งไหนอยากเป็นอะไรในอนาคต เพื่อที่จะไม่เกิดความลังเลในการเลือกอาชีพ
3.เพื่อสนับสนุนให้อนาคตของนักเรียนทุกคนมีอาชีพที่ดีและสุจริตทำ
               
ขอบเขตของการศึกษาค้นคว้า

                 ในการวิจัยครั้งนี้ กลุ่มผู้วิจัยได้ทำการวิจัยเรื่อง อาชีพที่ใฝ่ฝันของนักเรียน โรงเรียน ยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1  

สรุปผลการศึกษา 
1.นักเรียนทราบถึงอาชีพที่นักเรียนโรงเรียน ยโสธรพิทยาคมนักเรียนชั้น ม.5/1ชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากเป็นในอนาคต
2.นักเรียนรู้จักตนเองว่าชอบสิ่งไหนอยากเป็นอะไรในอนาคต เพื่อที่จะไม่เกิดความลังเลในการเลือกอาชีพ
3.อนาคตของนักเรียนทุกคนมีอาชีพที่ดีและสุจริตทำเมื่อเลือกอาชีพที่ตนเองชอบแล้ว
2ข้อเสนอแนะ...........................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................


บรรณานุกรม

บุญชม  ศรีสะอาด.(2547).  การวิจัยเบื้องต้น. (พิมพ์ครั้งที่ 2) .  กรุงเทพฯ : สุวิริยาสาส์น .     
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2545.










  
ภาคผนวก



 รายนามอาจาร์ยที่ปรึกษา

1.  อ.สุทธิ  วงศ์ไกร                            ตำแหน่ง ครู   
                                                                    กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี
                                                                                โรงเรียนยโสธรพิทยาคม  อำเภอเมือง  จังหวัดยโสธร    
2.  ดร.เทอดชัย พันธะไชย              ตำแหน่ง ครู
                                                                      กลุ่มสาระสังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม
                                                     โรงเรียนยโสธรพิทยาคม  อำเภอเมือง  จังหวัดยโสธร